Valentine's Day (Yuri) - Valentine's Day (Yuri) นิยาย Valentine's Day (Yuri) : Dek-D.com - Writer

    Valentine's Day (Yuri)

    บันทึกเรื่องราวของฉันกับ "พี่คะ"

    ผู้เข้าชมรวม

    152

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    152

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  14 ก.พ. 56 / 21:41 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เนื้อหาในเรื่องนี้เอามาจากเรื่องจริงทั้งหมดของเราเอง อาจมีดัดแปลงบ้างนิดหน่อย
    แบบว่าไรท์เตอร์รู้สึกมีความสุขจนอยากระบายให้คนอื่นได้รับรู้เ้วย
    ก็เลยแต่งเป้นนิยายออกมา
    อาจเป็นวันวาเลนไทน์ที่ไม่หวานแหววซักเท่าไหร่ แต่แค่นี้ไรท์เตอร์ก็อิ่มอกอ่ใจมากแล้ว^^
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Valentine’s Day

                      วันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก ที่จริงวันนี้ในความคิดของฉันมันก็เหมือนกับทุกๆวันนั่นแหละ
      เหมือนเป็นคำปลอบใจของคนโสดเลย
      = = วันนี้ฉันตื่นสาย แต่ก็ยังไม่รีบ ฉันอาบน้ำ ตั้งใจแต่งหน้าแต่งตัว 
      เพราะวันนี้เป็นวันที่ฉันจะได้เจอกับ “พี่คะ” ฉันขอไม่เอ่ยชื่อพี่เค้าละกันนะ ให้รู้แค่ว่า 
      พี่เค้าเป็นคนน่ารัก นิสัยดี ขาวมาก ผมยาว ตาโต้ ตัวเล็ก(หรือเรียกว่าเตี้ยนั่นแหละ) 
      ฉันกับ “พี่คะ” รู้จักกันมาจะเกือบปีแล้ว เค้าเป็นรุ่นพี่ที่ชมรมในมหาวิทยาลัย 
      ฉันจำไม่ได้ว่าไปชอบพี่เค้าตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าชอบมองรอยยิ้มของพี่ 
      ชอบฟังเสียงพี่ ชอบจ้องมองพี่ในทุกๆอิริยาบถ สายตาเฝ้าคอยมองหาพี่ตลอดเมื่อรู้ว่าพี่อยู่ในบริเวณใกล้ๆ 
      (รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโรคจิตเลย) ฉันได้เบอร์พี่เค้ามาโดยไม่คาดคิด 
      เพราะพี่เค้าเป็นฝ่ายโทรหาฉัน เค้าโทรมาถามเรื่องค่ายที่จะจัด ว่าฉันจะไปมั้ย 
      และฉันก็จำเสียงพี่เค้าได้ เลยถือโอกาสขอพี่เค้าโทรไปคุยเล่นเวลาว่างๆ 
      และพี่เค้าก็ตอบตกลงด้วย ดีใจสุดๆ
      ^^ หลังจากนั้นฉันก็โทรคุยกับพี่เค้าเรื่อยมา 
      ความสัมพันธ์ของเราจะเรียกว่าพี่น้องก็ดูจะไม่ตรงสักเท่าไหร่ เพราะฉันชอบพี่เค้า 
      แต่พี่เค้ามองฉันเป็นน้อง แต่พี่เค้าก็รับรู้ว่าฉันชอบ สรุปคือ ฉันยอมอยู่ในฐานะน้องสาว 
      แต่ก็แค่เพียงในนาม เพราะใจฉันมันคิดไปไกลกว่านั้น ถึงแม้หลายครั้งพี่เค้าจะย้ำคำว่า 
      น้องสาวออกมา แต่ใจฉันก็ยังไม่ยอมรับ แบบว่ายังดื้อด้าน แต่พี่เค้าก็น่ารักมากเลย 
      เพราะทั้งๆที่รู้ พี่เค้าก็ยังยอมคุยกับฉันมาตลอด ถึงแม้ว่าหลายครั้งฉันจะเอาแต่ใจและทำให้พี่ลำบากใจก็ตามที 
      เวิ่นมานาน มาเข้าเรื่องกันต่อเถอะ ฉันเฝ้ารอคอยให้ถึงเวลานัดอย่างใจจดใจจ่อ 
      และแล้วพี่เค้าก็โทรมาบอกว่ารออยู่ที่ซุปเปอร์แถวทางกลับหอ(ซุปเปอร์อยู่ระหว่างหอฉันกับหอพี่)
      ฉันรีบออกไปหาโดยที่ไม่ลืมหยิบของที่ตั้งใจจะให้พี่เค้าไปด้วย
       พอมาถึงฉันก็มองหา 
      ไม่นานก็เจอ พี่คะ นั่งอยู่คนเดียวตรงโต๊ะที่ศูนย์อาหาร ฉันยิ้มและเดินเข้าไปหาพร้องกับยื่นของที่เตรียมมาไปให้

      “ดอกอะไรอะ” พี่คะถามพร้อมจ้องมองด้วยแววตาที่สงสัย แววตากลมโตที่พี่มองมาทำให้ใจฉันแทบละลาย แอร๊ยยยย(เป็นเอามาก)

      “ดอกกุหลาบหิน ไม่นึกว่าจะรอดนะเนี่ย เพราะปลูกอะไรก็ตายหมด”

      “ขอบใจนะ สวยจัง อีกต้นสีชมพูใช่มั้ย”

      “ใช่ค่ะ” ฉันลืมบอกไป หลายวันก่อนฉันโทรไปถามพี่เค้าว่าจะเอาสีอะไรระหว่างสีชมพูกับสีแดง พี่เค้าเลือกสีแดง

      “กินข้าวมั้ย”

      “พี่จะเลี้ยงหรอ”ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่ปกปิดความดีใจไว้ไม่มิด เพราะ ไม่คิดว่าพี่เค้าจะชวน เพราะทุกครั้งที่ฉันชวนพี่จะปฏิเสธตลอด


      “ใช่”

      “ไม่เอาอะ ไม่ให้เลี้ยง เดี๋ยวจ่ายเอง แค่พี่นั่งเป็นเพื่อนก็พอ”


      “ก็ได้” ขนาดตอนปากเชิดยังน่ารัก


      แล้วฉันก็ไปแลกคูปองมาร้อยนึงสั่งข้าวไข่เจียวมากินราคา30บาท พอได้ฉันก็มานั่งฝั่งตรงข้ามกับพี่คะ 
      แล้วเราก็นั่งกินไปคุยกัน ฉันถาม พี่ตอบ ฉันเล่าให้พี่ฟัง พี่เล่าให้ฉันฟัง ระหว่างที่คุยกันฉันก็มองตาพี่สลับกับก้มตาลงมองข้าวไข่เจียวตรงหน้า ฉันไม่สามารถมองสบตาพี่ได้ตลอด แค่สบตาพี่สามวิฉันก็รู้สึกท้องหวิวๆราวกับมีผีเสื้อบินอยู่ในท้อง แอร๊ยยยยย ฉันสังเกตว่าพี่ก็เป็นเหมือนกัน บางครั้งพี่ก็จ้องตาฉันกลับ บางครั้งก็ตอบแบบไม่สบตา 
      แถมมือพี่ก็อยู่ไม่สุก เอามือถือมาจับเล่นพลิกไปพลิกมา ฉันมองทุกกิริยาของพี่แล้วก็แอบขำในใจ 
      คิดว่าพี่จะเป็นเหมือนกันหรือเปล่า หรือว่าเป็นเพราะสายตาของฉันมันแสดงความรู้สึกออกมามากเกินไปจนทำให้พี่กลัวไม่กล้าสบตา(ชอบคิดมาก) เพราะเพื่อนฉันเคยบอกว่า สายตาของฉันเวลามองคนที่ชอบนั้น 
      มันราวกับจะกลืนกินคนๆนั้นไปทั้งตัว(น่ากลัวว่ะ ฟังเองยังกลัวเอง) ฉันพยายามกินให้ช้า 
      ค่อยๆละเลียดกิน เพื่อยืดเวลาตรงนี้ออกไปให้นานที่สุด แต่ในที่สุดฉันก็กินหมด 
      สองมือวางช้อนส้อมรวบกันไว้ในจาน ถอนหายใจเบาๆด้วยความเสียดาย

      “หมดแล้ว พี่จะกลับเลยหรือเปล่า”

      “อืม”

      “งั้นป่ะ”
      เราสองคนลุกจากเก้าอี้

      “จะซื้ออะไรรึเปล่า”

      “อืมมม ไม่มีอะ” อยากกัดปากตัวเอง ทำไมไม่บอกว่ามีวะ จะได้อยู่ด้วยกันนานขึ้นอีก ฮึ่ยยยย

      “โอเค” แล้วเราก็พากันเดินกันออกมาถึงทางออกซุปเปอร์

      “พี่ แป๊บนึง ซื้อชาไข่มุกก่อน” ฉันสั่งชาไข่มุกแก้วนึง ระหว่างที่รอ เราทั้งสองคนต่างเงียบ 
      ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกจากปากของเรา เป็นช่วงเวลาที่ฉันรู้สึกว่ามือไม้ที่มีมันเกะกะ 
      ไม่รู้ว่าจะเอาไปวางไว้ตรงไหน อยากให้ชาไข่มุกเสร็จไวๆ จะได้ทำลายบรรยากาศชวนอึดอัดนี้เสียที

      “ชาไข่มุกได้แล้วครับ” ดั่งเสียงสวรรค์ บรรยากาศเมื่อกี้หายวับไปทันตา ฉันจ่ายเงินและยื่นมือไปรับชาไข่มุกมา เราพากันเดินออกมาจากร้าน

      “รู้รึเปล่า ชาไข่มุกที่นี่ ชงรสชาติไม่เหมือนกันสักครั้ง”

      “พี่ลองกินมั้ย” ฉันพูดพลางยื่นให้กิน

      “แต่ชาไข่มุกตรงร้านนู้นอร่อยที่สุด” แต่พี่ก็พูดต่อเหมือนไม่ได้ยินที่ฉันพูด

      “พี่ลองกินมั้ย” ฉันยื่นไปให้อีกครั้ง ไม่มีเสียงตอบรับ เพราะเราเดินออกมาข้างนอกกันแล้ว ฉันคงพูดเบาไปพี่เลยไม่ได้ยิน

      “ขอบคุณสำหรับของนะ” นี่เราต้องจากันแล้วหรือนี่ ฉันโอดครวญในใจ

      “ให้ไปส่งมั้ย”

      “ไม่ต้องหรอก พี่กลับได้ รีบกลับเถอะ”

      “โธ่ ที่จริงอยากชวนพี่ไปกินไอติมกันต่อนะเนี่ย” ฉันพูดพร้อมกับทำสายตาเสียดายปนเว้าวอน พี่ก็หัวเราะ จับข้อมือฉันแล้ว
      บอกว่า

      “พรุ่งนี้พี่ต้องฝึกงานอีกน้า”

      “ก็ได้ค่ะ งั้นกลับดีๆนะ บ๊ายบายยย” เจอลูกอ้อนเข้าไป ละลายเลยย

      “บ๊ายบาย” เราโบกมือลา แล้วก็แยกย้ายกันกลับหอ ฉันเดินไปทางซ้าย พี่เดินไปทางขวา 
      ใจจริงอยากเดินย้อนกลับไปส่งด้วยซ้ำ แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว เกินคาดด้วยซ้ำที่ได้นั่งกินข้าวกับพี่ 
      ถึงฉันจะกินคนเดียวก็เถอะ เหมือนฝันเลย ฉันยิ้มแล้วเดินกลับหออย่างอารมณ์ดี

          

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×